ฮวงจุ้ยเป็นเรื่องที่ไกล้ตัวเรามากๆ ครับ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเราสามารถส่งผลกับชีวิตของเราได้ ทั้งอารมณ์ ความรู้สึก นึกคิด จากการที่เราได้เห็น สัมผัสและรู้สึกจากสิ่งรอบตัวเรานั่นเองครับ ไม่ว่าจะเป็น รูปลักษณ์ สี แสง เสียง กลิ่น ตำแหน่งที่ตั้งอยู่ วางอยู่ ลองคิดดีๆ ครับ สิ่งเหล่านี้เมื่อตัวเรารับเอาเข้ามา เราก็มาแปลความหมายและสร้างความรู้สึก ความรู้สึกก็กำหนดชีวิตของเราอีกทีหนึ่ง…นี่จึงพอเป็นข้อสรุปได้ว่า ฮวงจุ้ย ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติแต่เป็นเรื่องของธรรมชาติ ล้วนๆ ครับ ถ้าจะอธิบายให้ครอบคลุมทั้งหมด ก็คงได้เขียนกันยืดยาว หนังสือหนา 500 หน้า ก็คงอธิบายได้หมดล่ะครับ
นบทความนี้ เราจะมาพูดถึงเรื่อง “ฮวงจุ้ยประตูบ้าน” กันครับ ซึ่งที่ผมได้หาข้อมูลและพบเจอมาโดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ก็มีความคล้ายคลึงกันอยู่ในเรื่องของหลักการ ของซินแสฮวงจุ้ย หรือผู้เชี่ยวชาญในเรื่องศาสตร์ของฮวงจุ้ย ของแต่ละท่านแต่ละที่มา แต่ก็จะต่างกันเพียงตรงการตีความหมายแบบเจาะจง ตามประสบการณ์และความรู้ของซินแสฮวงจุ้ยแต่ละท่านนั่นเองครับ เรามาดูกันเลยว่า ข้อมูลฮวงจุ้ยประตูบ้านที่ดีนั้นความรู้แต่ละที่ที่ผมเอามารวบรวมให้ หลักๆเค้าว่ากันอย่างไรบ้าง
1. ประตูบ้าน เปิดเข้าดีกว่าเปิดออก
ตามหลักฮวงจุ้ย จะทำให้ประตูบ้านเป็นประตูมงคล เรียกเงินเรียกทอง เรียกทรัพย์ ก็ต้องเป็นประตูบ้านแบบเปิดเข้าครับครับ คือเราอยู่ในบ้านจะออกจากบ้าน ก็ต้องดึงนั่นเอง จะเข้าบ้านก็ผลักเข้าครับ โดยการติดตั้งประตูให้เป็นแบบเปิดเข้านี้ ช่วยในเรื่องเรียกทรัพย์ เรัยกเงินทอง โชคลาภเข้ามาในบ้านครับ
ข้อดีอีกอย่างก็คือ การเปิดเข้าจะช่วยในเรื่องของความปลอดภัย เพราะเวลาเราไม่รู้ว่าใครมาที่หน้าบ้านมาเคาะประตู เราเพียงแง้มดู ในกรณีที่มีโซ่คล้องประตู เราจะมีมุมมองที่ชัดเจนครับ ไม่เหมือนเปิดออกไป ที่จะมีมุมองศา ที่บังสายตาของเราอยู่นั่นเองครับ คนข้างนอกจะหลบซ่อนอยู่หลังบานประตูได้ แต่ถ้าไม่ชอบเปิดเข้า ก็ควรติดตาแมวเพื่อเอาไว้ส่องดูนะครับ อย่างน้อยก็ช่วยเรื่องความปลอดภัย และเราจะสบายใจ เมื่อเราสบายใจ ประตูบ้านที่เราใช้ก็ถือว่าส่งผลดีกับเราด้วยครับ ส่วนในการณีติดลูกกรงเหล็กดัด ช่วยในความปลอดภัยเหมือนกัน แต่…ทางฮวงจุ้ยอาจจะต้องดูดีๆ เพราะมันเหมือนเราถูกกักขังอยู่ แล้วเราอาจจะรู้สึกไม่ด้ก็เป็นได้ คงต้องมีการปรับเสริมเติมแต่งประตูลูกกรงให้ส่งผลและสะท้อนความรู้สึกของเราออกมาในแง่ที่ รู้สึกดีๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งในบทความต่อไปจะเรียบเรียงมาให้อ่านครับ
ส่วนถ้าประตูบ้านเรา ถูกจำกัดด้วยการดีไซน์ของบ้าน ที่ไม่สามารถติดตั้งประตูแบบเปิดเข้าและเปิดออกได้ การทำประตูบ้านเป็นแบบสไลน์ด้านข้าง ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรครับ เพราะเราสามารถใช้องค์ประกอบอื่นๆ มาปรับฮวงจุ้ยบริเวรประตูได้ ลองปรึกษาซินแสฮวงจุ้ยดูก็จะได้คำตอบดีที่สุดครับ
2. อย่ามีอะไรมาอยู่ตรงกลาง หรือมองออกไปแล้วเห็นตั้งอยู่ผ่ากลางประตูบ้านของเราพอดี ในระยะไกล้ๆ ที่ส่งผลต่อความรู้สึกเรา
เพราะว่าเราจะรู้สึกเหมือนอึดอัด โดนขวาง เกะกะ นั่นเองครับ เช่น มีเสา เสาไฟ หรืออะไรที่มาอยู่ตรงกลางหรือช่องประตูบ้าน เมื่อเราเปิดประตูบ้านเข้าออก แล้วเห็นด้วยตาเรานั่นแหละครับ เป็นผมเองก็ไม่ชอบ ทางฮวงจุ้ยถึงบอกว่า ต้องไม่มีอะไรมาขางหรือผ่ากลาง เช่น เราเปิดประตูปั๊บ เจอเสาไฟฟ้าอยู่ตรงรั้วหน้าบ้าน ที่ตำแหน่งอยู่ตรงกลางช่องประตูพอดี แล้วเราก็เห็นทุกวัน เราจะรู้สึกมันไม่โล่ง ไม่โปร่ง มีอะไรขวาง มีอุปสรรคมาขวาง เจอตอ อะไรประมาณนั้น คิดแล้วมันก็อึดอัดใจ รำคาญใจเรา พาลทำให้เรารู้สึกไม่ดี หม่นหมอง จนไม่สบาย ทุกข์ใจ เจ็บป่วยจนได้เลยล่ะครับ เพราะมาจากสภาพจิตที่ไม่ดีนั่นเอง เพราะฉนั้น อย่าให้อะไรมาขาวง มาผ่ากลางประตู ให้มันโล่งเวลาเราเปิดเข้าออกจากบ้าน ก็จะดีที่สุดครับ
3. ประตูบ้าน อย่าให้ตรงกับประตูรั้วบ้าน หรือประตูบ้านคนอื่น
ที่ประตูไม่ควรตรงกัน เพราะทางฮวงจุ้ย มันจะทำให้เกิดความรู้สึก เหมือนประจันหน้า จ๊ะเอ๋ กันตรงๆ ทำให้เกิดความรู้สึกในด้านลบ (ขนาดคนเรามองหน้ากันยังมีเรื่องได้เลยครับ ยิ่งมองด้วยหางตาแล้วล่ะก็ ต้องมีถามหาบิดามารดากันเป็นว่าเล่น) ด้วยความรู้สึกประจันหน้า ตาต่อตา อะไรแบบนี้ ความเป็นมิตรก็เลยไม่มี มีแต่ความเป็นศัตรูกันซะมากกว่า ก็เลยอาจจะทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง ไม่ชอบหน้ากัน นั่นเองครับ เพราะฉนั้นควรเลี่ยงและแก้ไขตำแต่งประตูบ้านที่อยู่กับตัวบ้าน อย่าให้ตรงกับประตูรั้วบ้านจะดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวครับ
4. ประตูบ้านควรใช้บานใหญ่ เพื่อแสดงถึงบารมี ความยิ่งใหญ่ น่ายำเกรง (แต่ไม่ใหญ่เกินไป) และประตูหน้าบ้านแนะนำว่าให้ใหญ่กว่าประตูด้านหลังบ้าน
เพราะอะไรเหรอครับ ก็ทางหลักฮวงจุ้ยเค้าจะถือว่าประตูด้านหน้า ก็เหมือนปากถุง ประตูด้านหลังก็เหมือก้นถุง ฉะนั้น ปากถุง(ประตูหน้าบ้าน) ใหญ่ว่าก้นถุงที่มีรู (ประตูหลังบ้าน) สิ่งดีๆ โชคลาภเอย เงินทองเอย ก็จะไหลเข้ามามากกว่า ไหลออกไปนั่นเองครับ จึงทำให้มีความมั่งคั่งร่ำรวย เพราะได้มากกว่าเสียไป ประมาณนั้น ซึ่งถึงเงินถุงทองในส่วนของเรื่องประตูบ้าน จะต่างกับลักษณะของถุงเงินถุงทองของที่ดิน ครับ ที่ดินจะเน้นให้มีลักษณะด้านหลังใหญ่กว่าด้านหน้า เพราะจะเหมือนถุงเงินถุงทองที่ดี ที่มีก้นถุงใหญ่เก็บเงินเก็ทองและพลังงานดีได้เยอะครับ คือเน้นรูปลักษณ์ที่เหมือนถุงเก็บเงินเก็บทองนั่นเองครับ ส่วนของประตูนั้น จะเหมือนเน้นไนเรื่องของการไหลเข้าและไหลออก เพราะด้วยความที่เป็นช่องพลังงานที่มีการไหลหมุนเวียนไหลผ่านนั้นเองครับ จึงต้องเข้ามากกว่าออก ประตูหน้าบ้านจึงควรใหญ่กว่าประตูหลังบ้านด้วยการฉะนี้แล…
5. ดูแลประตูบ้านให้ดี ไม่ผุพัง ไม่โทรม ต้องดูดี สวย เห็นแล้วรู้สึกดี
ก็ด้วยเราต้องผ่านเข้าออก ประตูบ้าน ของเราทุกวัน เราจึงรับความรู้สึกจากการได้เห็นและสัมผัสกับประตูอยู่ทุกวัน ดังนั้น อย่าให้เรารับเอาความรู้สึกถึงความเสื่อมโทรม สกปรก ฝุ่น เหม็น ดูไม่สะอาด เลอะเทอะเปรอะเปื้อน ความไม่สบายตา เข้ามาในจิตใจความรู้สึกของเราเด็ดขาด เราจึงควรทำให้ประตูบ้านของเรา สวยงาม สภาพดี น่าสัมผัส เห็นแล้วสวย รู้สึกดี ถ้าเป็นเช่นนี้ได้ เราก็จะเกิดพลังงานดีๆ ในตัวเราเสมอ เมื่อเราเห็นหรือได้ใช้ประตูบ้านของเรา ส่งผลให้ใจเราดี กายเราก็ดี ชีวิตเราก็ดีตามไปด้วยนั่นเองครับ เราอาจจะต้องคอยดูแลความสะอาด และสภาพประตูให้ดีอยู่เสมอ ถ้าประตูบ้านพัง แตก หัก ร้าว อย่าฝืนใช้ ไม่ดีอย่างยิ่ง รีบเปลี่บนทันทีครับ และเราอาจจะประดับตกแต่งบริเวณประตูบ้านของเราให้สวยด้วยดอกไม้ หรือของตกแต่งบ้านที่ช่วยสร้างความสวยงามและความรู้สึกดีให้กับเราและคนในบ้านด้วยยิ่งดีครับ และโดยเฉพาะเรื่องสีของประตู เลือกใช้สีที่ส้างความรู้สึกดีให้กับคนในบ้านมากที่สุดนะครับ
6. อย่าให้มีอะไรเกะกะเวลาเปิดประตูเข้าออกบ้าน
บางทีลูกหลานของเรา อาจจะเล่นของเล่ แล้วชอบมาวางเกะกะประตูบ้าน หรือมีของใช้ในบ้านที่เราชอบมาวางเกะกะ เราควรหลีกเลี่ยงอย่าให้มีครับ เพราะไม่ดีเอามากๆ จะเกิดพลังงานด้านลบขึ้นมาทันที ลองนึกดูว่าคุณเปิดประตูเข้าบ้านแล้วประตูไปชนกับอะไรซักอย่าง คุณจะรู้สึกอย่างไร หงุดหงิดขึ้นมาทันทีเลยใช่ไหมล่ะครับ หรือต้องยกแข้งยกขา หลบสิ่งของที่วางละเกะละกะ ตั้งแต่หน้าประตู แค่นี้ชีวิตคุณก็เหมือนจะมีแต่อุปสรรคแล้วล่ะครับ ดังนั้นอย่าให้บริเวณประตู มีอะไรมาเกะกะขวางทางเด็ดขาด ควรให้โล่ง สบายตา จะดีที่สุดครับ
7. อย่าให้ประตูบ้านตรงกับบันไดเลยนะ จะบอกให้…
ก็บันไดบ้านใช้ขึ้นและลง การขึ้นๆ ลงๆ นี่แหละ คือสิ่งที่ไม่ดีนัก ถ้าประตูบ้านเราดันไปตรงกับบันได ชนิดทีว่า เปิดประตูบ้านเข้าไปปรับ เดินสองก้าว ขึ้นบันไดบ้านได้เลยล่ะก็คงไม่ดีนัก เพราะตามหลักฮวงจุ้ยบอกว่าจะทำให้ชีวิตคนในบ้านขึ้นๆ ลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ เช่น อยู่ดีๆ ก็ป่วยฉับพลัน หรือชีวิตการงานกำลังรุ่ง จู่ๆ โดนจ้างออกเฉยเลย ประมาณนั้น อีกอย่างลองนึกดูก็ได้ครับเราคงรู้สึกไม่ดีแน่ๆ เปิดประตูประบเจอบันได แน่นนอนเห็นแล้วขวางตา อึดอัด บางทีก็ตกใจได้ ถ้ามีใครวิ่งลงมาจากข้างบน หรือจู่ๆ มีอะไรล่วงลงมาจากบันได อาจจะทำให้เราเกิดอันตรายได้ ประมาณนั้น อันนี้ไม่ขอนึกถึงหนังผีที่หลอกหลอนผมตั้งแต่เด็ก ที่มีผีผู้หญิงใส่ชุดนอนเดินลงมาจากบันไดอีกนะ สยองสิ้นดี เอาเป็นว่า แค่สำรวจในด้านความรู้สึกเมื่อบันไดบ้านอยู่ตรงประตูบ้าน มันก็รู้สึกไม่ดีต่างๆ นาๆ แล้วชีวิตเราจะดีได้อย่างไร จึงไหมล่ะครับ
แต่สุดท้ายหากแบบบ้านของเราออกไปแนวฝรั่งแบบบ้านที่จะเห็นในหนังฮอลลีวู้ดบ่อยๆ ก็อาจจะขยับประตูประบ้าน หรือหักเหทิศของบันไดบ้าน ไม่ให้ทิ่มตรงลงมายังตำแหน่งประตูเป๊ะๆ ได้ ก็ยังดีครับ แล้วค่อยหาอุปกรณ์แต่งบ้านอื่นๆ มาปรับแต่งฮวงจุ้ยเอาอีกที ลองดูตามภาพด้านล่างครับ อาจะมีบันไดให้จ้ะเอ๋ เวลาเปิดประตูเข้ามา แต่ก็ยังรู้สึกว่ามีพื้นที่หรือช่องทางหลีกเลี่ยง ก็เหมือนมีทางแก้ไขให้ดีขึ้นได้นั่นเองครับ อย่างที่บอก จัดวางปรับแก้ให้เรารู้สึกดีที่สุดก็ถือว่าโอเคได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียวครับ
8. ประตูห้องน้ำ ก็อย่าไปตรงกับเตียง หรือผ่ากลางเตียงนะ มันไม่ดี
เดี่ยวนี้คนอยู่คอนโด และอพาร์ทเม้นท์กันเยอะมาก ที่อยู่อาศัยจึงมีลักษณะเป็นห้อง คือเหมือนห้องนอน และมีห้องน้ำในตัว ของบ้านเดี่ยว การจัดว่างเตียงนอนจึงหลักเลี่ยงไม่ได้ที่จะอยู่ไกล้ๆกับห้องน้ำ ถ้าเป็นอย่างนี้ฮวงจุ้ยบอกว่า อย่าให้ประตูห้องน้ำตรงกับเตียง เพราะจะทำให้ผู้อยู่อาศัยสุขภาพไม่ดี ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะห้องน้ำมีความชื้น และถ้าไม่สะอาด ก็มีกลิ่นอีก ทั้งชื้นทั้งกลิ่น ที่เข้ามากระทบตัวเรามากๆ ก็ทำให้เรารู้สึกไม่ดี และไม่สบานได้ในที่สุดนั่นเองครับ ขนาดอยู่ที่เปียกๆ อับๆ ชื่นๆ ไม่นานเราก็ยังรู้สึกไม่อยากอยู่เลยจริงไหม ? และถ้าจะมารับเอาความชื้น ความอับ กลิ่นที่ไม่ดี อยู่ตลอดเวลา ก็แน่ล่ะว่า ชีวิตเราคงไม่ดี แน่นอน
ถ้ามันหลักเลี่ยงลำบากอาจจะต้องหาอะไรมากัน หรือต้องทำให้ความชื้น กลิ่น ที่จะสร้างความรู้สึกไม่ดีให้กับเรา มีน้อยมากที่สุดครับ อาจจะเพิ่มการระบายอากาศให้ดียิ่งขึ้น หรือเสริมบางอย่างให้เรารู้สึกว่าเราแยกจากห้องน้ำได้อย่างชัดเจนและไม่รู้สึกถึงความอับชื้นครับ
9. ประตูบ้าน ควรเปิดใช้งานอยู่เสมอๆ
เพื่อความมีชีวิตชีวา เพราะคุณคงไม่อยากมีประตูที่ปิดตาย อยู่ในบ้านแน่ใช่ไหมล่ะครับ ฟังดูมันก็ไม่ลื่นหูซะแล้ว ดังนั้น ควรใช้งานประตูบ้านอยู่เสมอๆ เพื่อให้มีการไหลเวียนของพลังงาน นั่นเองครับ อย่างที่บอกไป อย่าให้ที่บ้านมีประตูบ้านที่เหมือนไม่ใช่ประตูบ้านก็แล้วกันนะครับ เราและคนในบ้านจะได้มีชีวิตชีวา เพราะประตูบ้านเปิดรับพลังงานที่ดีและเปิดไล่พลังงานที่ไม่ดีออกไปนั่นเองครับ ใช้งานให้สม่ำเสมออย่าปิดประตูบ้านไว้เฉยๆ เหมือนเป็นบ้านร้างนะครับ ถ้าตรงประตูบ้านตรงส่วนไหนของบ้านเราไม่ต้องการใช้เป็นทางเข้าออก ควรเปลี่ยนเป็นผนังหรือหน้าต่างบ้านก็จะดีกว่าปิดตายไว้เฉยๆ ครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับ นี่แค่ภาพรวมๆ และข้อหลักๆ ในส่วนของการจัดการฮวงจุ้ยของบ้าน ในส่วนของประตูบ้าน จริงๆ การปรับฮวงจุ้ยของประตูบ้าน มีรายละเอียดและลงลึกกว่านี้ โดยต้องขึ้นอยู่กับคนในบ้านด้วย ต้องเกี่ยวกับดวงชะตา ราศรี ปีเกิด วันเกิด ของเจ้าของบ้านด้วย เป็นต้นครับ
ดังนั้น ผมก็อยากแนะนำให้ลองศึกษาเพิ่มเติม หรือปรึกษาซินแส ฮวงจุ้ย ที่เราคิดว่าเขาสามารถช่วยเราได้และมีความชำนาญ ก็จะดีมากๆครับ ส่วนทางผมเองจะพยายามหาข้อมูลมาบอกเล่าเก้าสิบ ให้กับทุท่านอีกในโอกาสหน้านะครับ